ปัญหาผมหลุดร่วงเป็นปัญหาที่หลายๆคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียดและยุ่งกับการทำงานอยู่เสมอ ปัญหาผมร่วงก่อให้เกิดความกังวลใจเมื่อเกิดขึ้นตอนอายุยังน้อย รวมไปถึงความกังวลใจด้านรูปลักษณ์ และสูญเสียความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่แค่ไม่น่ามองเท่านั้น แต่ก็ยังส่งผลลบโดยนัยในการพัฒนาด้านอาชีพของคุณ เช่นการเป็นส่วนหนึ่งของลุคที่ดูมืออาชีพซึ่งทำให้น่าเชื่อถือเมื่อพบปะกับลูกค้า ผลกระทบทางลบโดยนัยที่เกิดจากปัญหาผมร่วงเหล่านี้ทำให้พวกเราหลายๆคนยังคงหาทรีทเม้นท์ใหม่ๆและตัวช่วยเสริมที่จะทำให้ศีรษะของเราปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่มีสุขภาพดี
ทรีทเม้นท์สำหรับเส้นผมและหนังศีรษะที่แตกต่างกัน
โดยปกติแล้วผมของคนเราจะร่วงโดยเฉลี่ยวันละ 50-100 เส้นต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติและนี่เป็นหนึ่งในกระบวนการสร้างเส้นผมใหม่ แต่เพราะหลายๆปัจจัยที่เกี่ยวข้อง คนที่เผชิญปัญหาผมร่วงมักจะสูญเสียความมั่นใจและยากที่จะพบปะกับคนอื่นๆในชีวิตแต่ละวัน ผมหลุดร่วงนั้นมีหลายปัจจัยและปัจจัยที่ธรรมดามากที่สุดนั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ฮอร์โมนเป็นตัวกระตุ้นให้ผมเจริญเติบโตและสร้างขึ้นใหม่ ดังนนั้นจึงส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตของเส้นผม และนี่เป็นเหตุผลที่ว่าปัญหาผมร่วงหลังคลอดเป็นปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อยๆในทุกวันนี้ เนื่องจากเมื่อคุณแม่ได้ตั้งครรภ์ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงระดับของฮอร์โมนอยู่เสมอ การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนนั้นเป็นกรรมพันธุ์โดยธรรมชาติเช่นกัน ทำให้ปัญหาผมร่วงนั้นเกิดซ้ำในเครือญาติเดียวกัน
ปัญหาผมหลุดร่วงนั้นอาจจะมีสาเหตุมาจากความเจ็บป่วยบางประการเช่น โรคไทรอยด์ การรักษาโรคมะเร็ง หรือผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหาร และปัจจัยใหญ่ที่ก่อให้เกิดปัญหาผมร่วงนั่นก็คือการใช้สารเคมีที่รุนแรงต่อเส้นผม เช่น การย้อม การกัดสีผม การดัดผม ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ก่อให้เกิดอันตรายต่อหนังศีรษะอย่างร้ายแรงและเมื่อผมถูกทำร้ายจากสารเคมีเป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นการทำร้ายรูขุมขนเส้นผมอย่างถาวร หรือก่อให้เกิดการไหม้จากสารเคมีที่หนังศีรษะ
มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที และสังเกตถึงปัญหาผมร่วงอยู่เสมอ เพราะในการรักษาปัญหาเส้นผมในระยะเริ่มแรกนั้นง่ายที่สุดเสมอ และก็เป็นการดีที่คุณจะเริ่มดูแลเส้นผมและหนังศีรษะของคุณตั้งแต่ยังไม่สังเกตเห็นสัญญาณใดๆของปัญหาผมร่วง การป้องกันนั้นย่อมดีกว่าการมารักษาภายหลังเสมอ
มีตัวช่วยอยู่หลายตัวช่วยในการรักษาปัญหาผมหลุดร่วง และพวกเราอยากจะขอแบ่งปันความแตกต่างระหว่างตัวช่วยเหล่านี้ซึ่งมีอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย สยามเมืองยิ้มของเรา!
ตัวช่วยในการรักษาปัญหาผมร่วงที่แตกต่างกันในประเทศไทย
1. สเต็มเซลล์บำบัด
สเต็มเซลล์รักษาปัญหาผมร่วงได้อย่างไร
เส้นผมของเราเติบโตมาจากรูขุมขนที่อยู่บนหนังศีรษะของเรา และสาเหตุที่เส้นผมหยุดเติบโตนั่นก็คือ เมื่อรูขุมขนเส้นผมตายหรือถูกทำร้าย เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่จะสามารถพัฒนาสเต็มเซลล์ โดยการกระตุ้นเซลล์ในรูขุมขน นี่เป็นการช่วยให้เกิดการสร้างรูขุมขนเส้นผมขึ้นมาใหม่พร้อมกับเส้นผมที่เกิดใหม่ด้วย เมื่อทำการปลูกถ่ายไปยังหนังศีรษะแล้ว คุณจะคิดว่าได้ผมที่ดกดำและหนาโดยทันทีนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ ปัจจัยในการเจริญเติบโตคือการที่เส้นผมมีโครงสร้างที่แข็งแรงซึ่งประกอบไปด้วยสเต็มเซลล์ที่สมบูรณ์ และเมื่อฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปที่หนังศีรษะด้วยเข็มฉีดยาจะช่วยให้การเติบโตของรูขุมขนเส้นผมเจริญเติบโตไปอย่างถูกทิศทาง
ช่วงวัยเป็นสิ่งที่กำหนดสภาพของเส้นผมเช่นเดียวกัน เมื่อเรามีอายุที่มากขึ้น รูขุมขนของเเรามีแนวโน้มที่จะหดตัวและไม่ตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เราใช้กับเส้นผม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสาเหตุให้เส้นผมหยุดการเจิรญเติบโต แต่การรักษาด้วยสเต็มเซลล์บำบัด สเต็มเซลล์ของรูขุมขนที่เกิดใหม่จะส่งสัญญาณทางเคมีให้กับรูขุมขนที่หดตัวทำให้เกิดการงอกใหม่ของเส้นผม
สำหรับจำนวนครั้งที่คุณจะต้องเข้าไปพบผู้เชี่ยวชาญทางด้านสเต็มเซลล์บำบัดนั้นขึ้นอยู่กับระยะของปัญหาในแต่ละคน รวมไปถึงจำนวนของเส้นผมด้วย ซึ่งในการเข้ารับการรักษาต้องใช้เวลา 2-6 ครั้งถึงจะเห็นผล ส่วนระดับความเจ็บปวดนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มที่ฉีดไปที่หนังศีรษะของคุณ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.stylecraze.com
สเต็มเซลล์บำบัดทำงานอย่างไรในการแก้ปัญหาผมร่วง?
ในขั้นแรกผู้เชี่ยวชาญจะเก็บรูขุมขนเส้นผมที่คุณมีอยู่บนหนังศีรษะ จากนั้นจึงนำไปเพาะเลี้ยงในห้องทดลองเพื่อเพิ่มจำนวนของสเต็มเซลล์ประมาณ 15-20 วัน เมื่อสเต็มเซลล์เกิดใหม่มีความแข็งแรงแล้วก็จะถูกนำเข้าสู่หนังศีรษะของคุณโดยการฉีดยา
นอกจากนี้ยังมีอีกวิธีการหนึ่งในการรักษาผมร่วง นั่นก็คือการนำเลือดของผู้เข้ารับการรักษามาทำให้เข้มข้นขึ้นและนำมาแยกแยะโดยการหมุนเหวี่ยง จากนั้นจึงนำมาฉีดเข้าบริเวณที่มีปัญหาที่หนังศีรษะอีกครั้ง ซึ่งวิธีนี้รู้จักกันในชื่อว่า Platelet Rich Plasma หรือการฉีดPRP เป็นวิธีการกระตุ้นผมให้เกิดใหม่โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่อยากเจ็บตัวเพราะมีดหมอหรือไม่อยากเสียเวลาในการพักฟื้นจากการผ่าตัด คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.hairlossrevolution.com
ทำไมผู้คนถึงเข้ารับการรักษาโดยสเต็มเซลล์บำบัด?
- การรักษาด้วยสเต็มเซลล์บำบัดเป็นวิธีการที่ไม่มีการลุกลาม และในการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ทั้ง 2 แบบนี้ทำให้ไม่ก่อให้เกิดความตึงเครียดในส่วนต่างๆและประหยัดเวลาหลังการเข้ารับการรักษา
- การรักษาด้วยสเต็มเซลล์บำบัดใช้เวลาไม่นาน และในแต่ละครั้งใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
ผลข้างเคียงในการเข้ารับการรักษาโดยสเต็มเซลล์บำบัด
ในการรักษาผมร่วงโดยวิธีการสเต็มเซลล์บำบัดนั้นถึงจะทำให้เห็นผล แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่อาจจะส่งผลกระทบจากการรักษานี้ได้แก่
- เนื่องจากการรักษาโดยวิธีสเต็มเซลล์บำบัดเพิ่งจะถูกคิดค้นไม่นานมานี้ จึงทำให้ข้อเสียต่างๆยังไม่เป็นที่แน่ชัดเจน รวมไปถึงผลเสียในระยะยาวของการเข้ารับการรักษาด้วยเนื่องจากไม่มีการทดสอบที่ใช้เวลานานอย่างเพียงพอ
- ผลข้างเคียงที่เห็นได้ชัดโดยนักวิจัยและผู้เข้ารับการรักษาคือ การรักษาโดยสเต็มเซลล์บำบัดนั้นส่งผลถึงระบบภูมิคุ้มกันของผู้เข้ารับการรักษาด้วย
- ผู้ทำการวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลล์บำบัดนั้นได้ออกมากล่าวถึงผลข้างเคียงในการรักษาคือ การรักษานั้นอาจจะกระตุ้นให้เกิดเนื้องอกที่ไม่เป็นอันตรายได้ แต่เนื้องอกที่ไม่เป็นอันตรายนี้ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงเป็นเนื้อร้ายเมื่อไรก็ได้ ซึ่งจะเป็นผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสุขภาพอย่างคาดไม่ถึง
- มีแพทย์หลายๆท่านที่ออกมากล่าวว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านสเต็มเซลล์อย่างแท้จริง จึงก่อให้เกิดคำถามที่มีต่อความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมทางด้านกฎหมายที่ตามมา แพทย์ที่มีชื่อเสียงที่โด่งดัง เช่น นายแพทย์แจ ปาร์ค และ ด็อกเตอร์ จอห์น อี แฟรงค์ ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกัน
การรักษาโดยสเต็มเซลล์บำบัดนั้นอาจจะเป็นอันตรายถ้ารักษาอย่างไม่ถูกต้อง และผลที่ร้ายแรงที่สุดคืออาจจะส่งผลถึงชีวิตได้ ในความเป็นจริงแล้วมีนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตในการรักษาโดยสเต็มเซลล์บำบัดในกรุงเทพฯ – อ่านต่อเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้านี้
2. เคราติน ทรีทเม้นท์
เคราตินคืออะไร?
เคราติน คือโครงสร้างของโปรตีนที่มีอยู่ในผมและเล็บของเรา ซึ่งทำหน้าที่เหมือนตึกใหญ่สำหรับเส้นผมกับเล็บ และยังทำหน้าที่ในการเสริมสร้างโปรตีนและการเจริญเติบโตของเซลล์อีกด้วย ชนิดของเคราตินที่นำมาใช้กับเส้นผมนั่นก็คือ อัลฟา เคราติน ซึ่งทำให้เส้นผมแข็งแรง
เคราตินทรีทเม้นท์ช่วยผมในเรื่องอะไรบ้าง?
เคราตินทรีทเม้นท์เป็นการรักษาในรูปแบบของการฟื้นบำรุงให้แก่เส้นผม ซึ่งได้ถูกขนานว่าทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ช่วยฟื้นฟูแร่ธาตุต่างๆที่ได้รับผลเสียจากความเครียดในแต่ละวัน และเป็นเกราะป้องกันภายนอกอย่างกึ่งถาวรให้แก่เส้นผม โดยปกติแล้วเคราตินเป็นโปรตีนที่มีในเส้นผมของเราอยู่แล้ว การทำทรีทเม้นท์เคราตินนั้นจะทำโดยผู้เชี่ยวชาญโดยทาผลิตภัณฑ์ที่มีเคราตินลงไปที่เส้นผมและใช้ความร้อน โดยอาจจะเป็นในรูปแบบของการใช้เครื่องรีดผมไฟฟ้าเพื่อทำให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้าสู่เส้นผมของคุณ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที และอาจจะใช้เวลามากกว่านี้ถ้าคุณมีผมยาวมาก ทรีทเม้นท์นี้จะอยู่ที่ผมคุณประมาณ 2.5 เดือน
ถ้าคุณกำลังคิดจะอยากทำทรีทเม้นท์เคราติน คุณต้องจำไว้ว่าคุณต้องห้ามสระผมเป็นระยะเวลา 3-4 วัน หลังจากการทำ
ทรีทเม้นท์ เนื่องจากการทำทรีทเม้นท์เคราตินนี้จะต้องใช้เวลาในการเห็นผล และคุณจำเป็นต้องใช้แชมพูที่ปราศจาก โซเดียม ซัลเฟต เพื่อให้เคราตินทรีทเม้นท์นั้นคงอยู่บนเส้นผมได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมนั้นสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ allure,webmd
ทำไมผู้คนถึงทำทรีทเม้นท์เคราติน
- เป็นทรีทเม้นท์ที่ไม่มีการลุกลาม
- ช่วยเรื่องผมเสีย แต่ไม่ช่วยปัญหาอื่นๆเช่นผมร่วง หนังศีรษะมัน และหนังศีรษะบอบบางแพ้ง่ายและปัญหาผมอื่นๆ
ผลข้างเคียงจากการทำทรีทเม้นท์เคราติน
การทำทรีทเม้นท์เคราตินนั้นสามารถเป็นอันตรายได้ถ้าทำอย่างไม่ถูกวิธี หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้อง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่คุณเจนิเฟอร์ แอนิสตัน ดาราฮอลลีวู้ดชื่อดังได้ตัดผมสั้นเท่าความยาวของคางของเธอ เนื่องจากเธอได้ไปทำทรีทเม้นท์ยืดผมเคราตินอย่างลวกๆมา ทำให้เธอต้องตัดผมที่ยาวสลวยของเธอออกไป และนี่อาจจะเป็นปัญหาที่ตามมาจากการทำทรีทเม้นท์เคราตินที่คุณควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจไปทำ
- 1. โดยปกติแล้วเคราตินทรีทเม้นท์จะไม่ทำให้ผมเปราะขาด แต่ปัญหาผมเปราะขาดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างทำทรีทเม้นท์เนื่องจากช่างทำผมไม่มีประสบการณ์เท่าที่ควร การที่ใช้เครื่องรีดผมไฟฟ้ากับผมของคุณนั้นสามารถทำให้ผมเปราะขาดได้จริงถ้าใช้อย่างไม่ถูกวิธี เมื่อความร้อนถูกใช้ในการทำให้แห้งและซีลเส้นผมแต่ช่างทำผมบางคนอาจจะปรับระดับความร้อนให้ร้อนจนเกินไปจึงทำให้ผมไหม้เกรียมและเปราะขาด
- การทำทรีทเม้นท์นี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน หรือ ผู้ที่เป็นโรคต่อมไขมันอักเสบ สำหรับผู้ที่มีอาการป่วยเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนทำทรีทเม้นท์เคราติน
- ผลิตภัณฑ์ที่มีเคราตินประกอบไปด้วยสารฟอร์มาลดีไฮด์ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ไปทำทรีทเม้นท์เคราตินอยู่เป็นประจำ ในขณะที่โฆษณาของทรีทเม้นท์เคราตินต่างๆในท้องตลาดที่อ้างว่ามีระดับของฟอร์มาลดีไฮด์ในระดับต่ำสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย ในร้านซาลอนบางร้านเลือกที่จะผสมทรีทเม้นท์เคราตินของร้านตัวเองขึ้นมาเองซึ่งทำให้สารฟอร์มาลดีไฮด์ถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างเข้มข้นมากขึ้น สารฟอร์มาลดีไฮด์เป็นที่รู้จักดีว่าเป็นสารก่อมะเร็งสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง ยิ่งไปกว่าการเป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็งแล้ว สารฟอร์มาลดีไฮด์ยังเป็นสาเหตุในการทำลายระบบประสาทอีกด้วย ทำให้มีอาการปวดหัว ซึมเศร้า อารมณ์เปลี่ยนแปลง และทำให้มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย
- มีการวิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการรับสารฟอร์มาลดีไฮด์ สามารถทำให้ผู้ที่ได้รับสารมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับสารเป็น 3 เท่า โดยเฉพาะผู้หญิงตั้งครรภ์ ทรีทเม้นท์เคราตินไม่ควรเป็นตัวเลือกในการรักษาผมเลย เนื่องจากจะส่งผลถึงความสมบูรณ์ของลูกในครรภ์และก่อปัญหาเรื่องการสืบพันธุ์ ก่อให้เกิดการแท้งเช่นกัน ซาลอนที่มีสารเคมีเหล่านี้อาจจะทำให้รู้สึกแสบตาและระคายคออีกด้วย
- สำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคหืดหรือมีปัญหาด้านระบบหายใจ คุณอาจจะมีความไวต่อสารเคมีเหล่านี้มากกว่าผู้อื่น โดยคุณอาจจะรู้สึกหายใจลำบากในทุกๆครั้งที่คุณใช้อุปกรณ์ในการจัดแต่งทรงผมในการรีดผมให้ตรง หรือม้วนลอนผม หรือบางทีอาจจะแค่การใช้ไดร์เป่าผมหลังจากอาบน้ำคุณก็รู้สึกว่าหายใจลำบากแล้ว ไอของสารเคมีเหล่านี้จะติดอยู่ที่เส้นผมของคุณซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแน่ๆ
- นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยสารเคมีเหล่านั้นยังรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่ามาจากธรรมชาติและมีส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิคโดยปราศจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ ฉลากของผลิตภัณฑ์นั้นก็ไม่ได้แสดงค่าที่แท้จริงของส่วนผสม การแนบผลทดสอบของส่วนผสมที่แท้จริงนั้นจำเป็นมากในการแสดงว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยจริง ผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์หลายยี่ห้ออ้างว่าปลอดภัยจากสารฟอร์มาลดีไฮด์แต่ทดแทนด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายอย่างอื่น เช่น เอทิลีนไกลคอล จะปล่อยสารฟอร์มาดีไฮด์เมื่อถูกความร้อน – ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความเสี่ยงด้านปัญหาสุขภาพเมื่อได้รับสารเคมีเหล่านี้
- ถ้าเป็นเรื่องของความสบายใจ มันเป็นเรื่องที่ดีที่รูว่าการยืดเคราตินนั้นไม่เหมือนกับการยืดแบบญี่ปุ่น คือการยืดแบบญี่ปุ่นจะมุ่งไปที่ชั้นที่ต่ำกว่าแก่นผม ซึ่งหมายความว่าถ้ามีผลเสียเกิดขึ้นในการทำเคราตินทรีทเม้นท์ คุณก็แค่ตัดผมในส่วนที่เสียหายออก แต่นั่นก็หมายความว่าคุณต้องสูญเสียเส้นผมที่คุณอุส่าห์เลี้ยงจนกว่าจะยาวตั้งนาน
- ในการทำทรีทเม้นท์เคราตินนั้นต้องใช้ความร้อนสูงทาบบนผมของคุณ เครื่องหนีบผมไฟฟ้าที่ซาลอนทั่วๆไปใช้นั้นปกติแล้วใช้ความร้อนอยู่ที่ 450 องศาเซลเซียส ถ้าคุณมีเส้นผมที่บาง ย้อมสีและแห้งเสีย เมื่อถูกความร้อนจากเครื่องหนีบผมไฟฟ้านั้นก็จะยิ่งสร้างความเสียหายให้แก่เส้นผม ถ้าสภาพเส้นผมของคุณนั้นเคยผ่านการย้อม หรือการดัด จะทำให้ผมเสียเนื่องจากความร้อนมากยิ่งขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ harperbazaar, indiatimes และ draxe
3. การปลูกผมแบบ FUE/FUT
การปลูกผมแบบ FUE คืออะไร?
Follicular Unit Extraction (FUE) เป็นเทคนิคที่ใช้สารสกัดจากเส้นผม การปลูกถ่ายสารสกัดจะถูกทำด้วยมือและนำไปปลูกในที่บริเวณหนังศีรษะที่มีผมร่วง ในแต่ละรูจะถูกเก็บทีละรูจากหนังศีรษะ เพราะสารสกัดจากผมนั้นไม่สามารถทำให้เสร็จได้โดยเครื่องกลสมัยใหม่ แต่จะถูกทำอย่างไร้แบบแผน คุณจะสังเกตเห็นว่าบริเวณที่ปลูกผมนั้นมีผมขึ้นอย่างหนาแน่นหลังจากจบขั้นตอน
จำนวนของรูขุมขนที่เก็บนั้นจะถูกควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมซึ่งเป็นผู้รักษา ผู้เชี่ยวชาญนั้นสามารถสกัดจำนวนของการปลูกถ่ายลงบริเวณที่ต้องปลูกอย่างพิถีพิถัน บริเวณที่ปลูกถ่ายนั้นจะมีผมขึ้นหลังจากที่จบกระบวนการปลูกผม และในบริเวณนั้นก็จะมีผมงอกขึ้นใหม่ด้วย ความพิเศษของขั้นตอนนี้ยังหมายความว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านเส้นผมจะสามารถควบคุมความหนาแน่นบนพื้นที่ปลูกถ่ายซึ่งจะทำให้คุณพอใจกับผลลัพธ์สุดท้ายที่เป็นธรรมชาติที่คุณจะได้รับ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ orangecountryhairrestoration และ slclinic
กระบวนการโดยทั่วๆไปของการปลูกผมแบบ FUE มีอะไรบ้าง
ขั้นแรกบริเวณสำหรับที่ต้องสกัดเซลล์นั้นจะถูกโกนให้สั้นโดยการใช้มีดโกน เพื่อมั่นใจว่าทุกออย่างสะอาดและปลอดเชื้อ และถูกทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ แต่ต้องบอกก่อนว่าในกระบวนการนี้ไม่ค่อยจะสบายนักเนื่องจากบริเวณที่จะต้องสกัดสารสกัดจะถูกฉีดยาชาเฉพาะที่ และใช้ปากกาสำหรับการปลูกผมโดยเฉพาะในการสกัดในแต่ละรู เนื้อเยื่อของผมนั้นจะถูกเก็บไว้ในกระบวนการที่ช่วยคงสภาพ
เนื้อเยื่อของผมจะถูกส่องโดยกล้องจุลทรรศน์เพื่อให้แน่ใจว่าจะเป็นเนื้อเยื่อที่เหมาะสมในการปลูกถ่าย ในกระบวนการนี้จะเพิ่มโอกาสสำหรับเนื้อเยื่อที่มีคุณภาพเมื่อถูกปลูกลงในบริเวณที่ผมร่วง ในการปลูกฝังจะสามารถรู้รายระเอียดได้ถึงมุม ทิศทาง และการกระจายของเนื้อเยื่อบนพื้นที่ ขั้นตอนสุดท้ายเนื้อเยื่อจะถูกฝังในแต่ละชิ้นด้วยมือลงบนบริเวณที่ผมร่วงโดยผู้เชี่ยวชาญ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผมแบบ FUE ได้ที่ ehaclinic
การปลูกผมแบบ FUT คืออะไร?
Follicular Unit Transplantation (FUT) เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ Strip Harvest Technique โดยจะตัดชิ้นเนื้อจากด้านหลังของศีรษะของคุณ และจะสกัดรูขุมขนเส้นผมจากชิ้นเนื้อนั้น รูขุมขนเส้นผมจะถูกปลูกทีละรูลงบนพื้นที่ที่ผมร่วง การปลูกผมแบบ FUT จะเป็นวิธีถูกเลือกมากสำหรับผู้ที่มีผมร่วงอย่างรุนแรง โดยหมอจะทำให้บริเวณหนังศีรษะมีผลลัพธ์อย่างน่าพอใจ ในขั้นตอนนี้ชิ้นเนื้อเยื่อจำนวนมากจะถูกปลูกในการเข้ารับการรักษาในแต่ละครั้ง
เนื้อเยื่อจะถูกส่องโดยกล้องจุลทรรศน์เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเนื้อเยื่อที่ดี ในกระบวกการนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสของเนื้อเยื่อที่มีคุณภาพดีในการปลูกถ่ายลงบนพื้นที่ที่ผมร่วง ซึ่งคุณสามารถรู้ได้ถึงมุม ทิศทาง การกระจายของเนื้อเยื่อบนพื้นที่ ขั้นตอนสุดท้ายเนื้อเยื่อของผมแต่ละชิ้นจะถูกฝังโดยใช้มือของผู้เชี่ยวชาญ คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ zieringmedical และ crownclinic
กระบวนการโดยทั่วๆไปของการปลูกผมแบบ FUT มีอะไรบ้าง
- ตรวจหาพื้นที่หนังศีรษะที่จะนำมาสกัดรูขุมขนเส้นผม
- ชิ้นหนังศีรษะจากพื้นที่ตรวจจะถูกตัดออกและนำมาแบ่งเป็นเซลล์รากผม (Follicular Unit) โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ แต่ละเซลล์รากผม (Follicular Unit) จะมีเส้นผม 1 ถึง 4 เส้น
- แนวการปลูกผมจะถูกทำขึ้นในมุมและลักษณะที่ทำให้ดูเป็นธรรมชาติและน่าพึงพอใจ
- ปลูกผมโดยนำเซลล์รากผมที่ถูกแบ่งออกมาทำการปลูกทีละรูขุมขน ระหว่างการทำการปลูกผมจะใช้ยาชาเพื่อช่วยลดอาการเจ็บ
หลังจากการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถกลับบ้านได้เลย ระยะเวลาโดยประมาณที่เส้นผมที่ปลูกใหม่จะเริ่มขึ้นคือ 3 ถึง 4 เดือน แต่อาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 ถึง 8 เดือนถึงจะเห็นความแตกต่าง
ความแตกต่างระหว่าง FUE และ FUT
- ข้อได้เปรียบหลักของ FUT คือการทำวีธีนี้จะได้จำนวนเส้นผมใหม่มากที่สุดและมันจำเป็นมากสำหรับผู้ที่ผมร่วงมาก เหตุผลที่ทำให้ได้เส้นผมมากเป็นเพราะวีธีนี้สามารถนำหนังศีรษะที่ตัดออกมาส่องใต้กล้องจุลทรรศน์และคัดเลือกเซลล์รากผมทีละรู สำหรับ FUE นั้น ข้อได้เปรียบคือ ขั้นตอนการปลูกผมจะไม่จำเป็นต้องตัดหนังศีรษะส่วนที่จะนำมาปลูกจึงทำให้ไม่เป็นรอยแผลเป็น และระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นตัวของส่วนที่นำเซลล์ผมมานั้นน้อยกว่า เพราะฉะนั้นถ้าคุณกำลังมองหาวีธีที่ใช้เวลาพักฟื้นน้อยหรือกังวลเรื่องแผลเป็น FUE อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
- สำหรับวิธี FUE และ FUT คุณภาพของเซลล์รากผมนั้นสำคัญมากเพื่อคุณภาพของการปลูกถ่าย เซลล์รากผมที่ถูกคัดมาเพื่อปลูกถ่ายจะต้องไม่ได้รับความเสียหายจากการสกัดออก เนื้อเยื่อหุ้มเซลล์รากผมจะยังคงต้องมีอยู่ด้วยกับเซลล์รากผมเพราะเนื้อเยื่อเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสที่เซลล์รากผมจะรับความเสียหายระหว่างขั้นตอนการปลูกถ่ายและข่วยให้เซลล์รากผมไม่ตายเมื่อนำออกมาจากศีรษะแล้ว ในการทำ FUT หนังศีรษะที่ถูกตัดออกจะถูกนำมาคัดเป็นเซลล์รากผมโดยใช้กล้องจุลทรรศน์เพื่อให้ได้เซลล์รากผมคุณภาพสูงสุด ใน FUE หนังศีรษะจะไม่ถูกตัดออกเหมือนกับใน FUT เพราะการคัดเซลล์รากผมนั้นจะทำทีละเซลล์โดยทำจากหนังศีรษะโดยตรง แต่ในการทำ FUE จะมีโอกาสที่เซลล์รากผมจะได้รับความเสียหายเนื่องจากการทำวิธีนี้จะสามารถเห็นได้แค่ส่วนบนของเซลล์ เซลล์รากผมอาจจะถูกตัดออกไม่ครบทุกส่วนโดยขาดส่วนที่ลึกสุดถ้าผู้เชี่ยวชาญไม่ตัดเข้าหนังศีรษะลึกพอและจะทำให้เซลล์นั้นตายหลังการปลูกถ่าย ปัจจุบันการทำ FUE มีการใช้ Robotic FUE Hair Transplant Technology เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการสกัดเซลล์รากผมจึงทำให้คุณภาพของเซลล์ที่สกัดออกมานั้นเพิ่มขึ้น
- อีกข้อแตกต่างระหว่าง FUT และ FUE คือจำนวนเซลล์รากผมที่ถูกคัดจากตรงกลางของหนังศีรษะที่เป็น Donor zone ปกติแล้วเซลล์รากผมที่อยู่ตรงกลางของ Donor zone จะไม่ร่วงแต่เซลล์บริเวณรอบๆของตรงกลางจะมีโอกาสร่วงและทำให้หัวล้าน ใน FUT หนังศีรษะที่ถูกตัดออกคือตรงกลางส่วนที่มีเซลล์ผมแข็งแรงแต่ใน FUE เซลล์รากผมจะถูกคัดมาจากหลายๆจุดเพื่อที่ให้ได้เซลล์รากผมเพียงพอต่อการปลูกถ่าย ในแต่ละจุดจะสามารถคัดเซลล์รากผมได้เพียงแค่ 1 ใน 5 ของเซลล์รากผมทั้งหมด และการคัดเซลล์รากผมตามตำแหน่งเหล่านี้มีโอกาสสูงที่เซลล์ไม่ได้อยู่ตรงกลางของ Donor zone จึงทำให้ผมอาจร่วงและกลับมาหัวล้าน
- ใน FUE แผลที่เกิดจากการคัดเซลล์รากผมอาจเป็นปัญหาตามมาเนื่องจากแผลเหล่านี้มีผลกระทบต่อเซลล์รากผมที่อยู่ใกล้เคียงทำให้การปลูกถ่ายในครั้งถัดๆไปมีปริมาณเซลล์ที่สามารถนำมาปลูกถ่ายได้นั้นลดลง การทำ FUT จะทำโดยการตัดหนังศีรษะออกโดยเป็นแผลเส้นตรงเท่านั้น
- ใน FUT หลังจากตัดหนังศีรษะออก การทำแผลคือจะเย็บปากแผลเข้าหากันโดยทำให้มีบาดแผลยาวหนึ่งบาดแผล บาดแผลนี้จะมองเห็นได้ชัดเมื่อผมสั้น แต่เมื่อพอไว้ผมยาวจะสังเกตเห็นได้ยากขึ้น และถ้าจำเป็นจะต้องทำ FUT ใหม่ หนังศีรษะจะถูกตัดออกจากแผลเป็นเดิมทำให้มีแผลเป็นที่เดียวไม่ว่าจะทำ FUT อีกกี่ครั้ง แต่ถ้าแผลเป็นจะเป็นปัญหาเพราะว่าคุณจะไว้ผมสั้น FUE อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า คุณอาจจะต้องคำนึงถึงผลเสียของรอยแผลเป็นเล็กๆที่มีอยู่หลายบริเวณซึ่งอาจะทำให้การทำ FUE ในอนาคตเป็นไปได้ยากขึ้น
- บางคนอาจบอกว่าการทำ FUT จะทำให้เจ็บกว่าการทำ FUE เนื่องจากอาการบวมของหนังศีรษะที่ถูกตัดออก แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกถ่ายผมทั้งสองแบบนั้นไม่ได้ทำให้คนที่ทำการปลูกถ่ายมีชีวิตที่แตกต่างจากเดิมเนื่องจากแผลที่ได้รับจากการปลูกถ่ายใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ยาแก้ปวดที่ให้หลังจากการผ่าตัดสามารถช่วยเรื่องอาการเจ็บปวดได้ ผู้ที่ผ่านการทำการปลูกถ่ายสามารถกลับไปดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังวันที่ทำการปลูกถ่าย
- ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะคิดเป็นต่อเซลล์รากผม ซึ่งแปลว่าถ้าผู้ที่ต้องการปลูกถ่ายเส้นผมไม่ได้ผมร่วงมากหรือหัวล้าน ราคาจะไม่เท่ากันกับผู้ที่หัวล้าน และส่วนใหญ่ราคาต่อเซลล์รากผมของ FUT จะถูกกว่า FUE แต่อาจขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิค คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวความแตกต่างระหว่าง FUE และ FUT ได้ที่ bosley และ bernsteinmedical
ทำ FUT และ FUE ควบคู่กันได้หรือไม่
กระบวนการทั้งสองแบบสามารถทำได้ในคนเดียว FUT สามารถเป็นทางเลือกแรกของผู้ปลูกถ่ายที่ต้องการเซลล์รากผมปริมาณมาก และในอนาคต เมื่อความต้องการจำนวนเซลล์ลดลง ผู้ปลูกถ่ายสามารถเปลี่ยนไปใช้วิธี FUE ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าผู้ปลูกถ่ายเลือกที่จะใช้วิธี FUE ก่อนแต่จำนวนเซลล์รากผมที่ได้นั้นไม่เพียงพอสำหรับการรักษาอาการหัวล้าน ผู้ปลูกสามารถเปลี่ยนไปใช้ FUT ได้
ทำไมคนถึงลองใช้วิธี FUE
- FUE ไม่ทำการรบกวนชีวิตประจำวันของผู้ปลูกถ่ายเพราะ FUE ใช้วิธีการคัดเซลล์รากผมทีละเซลล์ การคัดเซลล์จะใช้เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายเข็มฉีดยา แต่บริเวณปลายอุปกรณ์จะไม่แหลมคม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตรเพื่อคัดเซลล์จาก donor zone
- เมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลที่ได้รับคือความเป็นธรรมชาติ ความหนาแน่นของผม ละรอยแผลเป็นจำนวนน้อย
- วิธีการปลูกถ่ายมีความแม่นยำเพราะทำทีละเซลล์ โดยใช้มือ
- ความเสียหายที่เกิดขึ้นบน donor zone จะน้อยที่สุดเพราะการคัดเซลล์รากผมจะถูกคัดทีละเซลล์ และจำนวนเซลล์ที่ถูกคัดจะไม่ถูกใช้ทิ้งขว้างเนื่องจากจำนวนที่คัดออกเป็นไปตามจำนวนที่ต้องใช้ในการปลูกถ่าย
- ถ้าจำนวนเซลล์รากจาก donor zone ไม่เพียงพอ สามารถนำเซลล์รากจากส่วนอื่นของร่างกายมาใช้ทดแทนได้
- ผมจะดูหนาขึ้นเพราะการปลูกถ่ายสามารถกำหนดมุมและลักษณะที่ผมจะขึ้นเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- ยาชาจะถูกฉีดขณะที่คัดเซลล์รากผมเพื่อลดอาการเจ็บปวดของผู้ปลูกถ่าย
- วิธีปลูกถ่าย FUE นั้นใช้เวลาพักฟื้นน้อย ฉะนั้นผู้ปลูกถ่ายไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลาพักฟื้น เวลาพักฟื้นอาจใช้เพียงหนึ่งถึงสองวันหลังปลูกถ่ายเสร็จ
ผลข้างเคียงของ FUE และ FUT
- การปลูกถ่ายจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเพราะการปลูกถ่ายจะสำเร็จและดูเป็นธรรมชาติขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เชี่ยวชาญ ผู้ปลูกถ่ายต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกคลินิค ซึ่งอาจประเมินตามราคาและอื่นๆ อย่างเช่นถ้าราคาไม่สมเหตุสมผล อาจมีเหตุผลที่ไม่ดีแอบแฝงอยู่ ผู้ปลูกถ่ายจำเป็นจะต้องระวังเป็นอย่างมาก
- ประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญสำคัญมากในการปลูกถ่าย การมีใบรับรองความสามารถในการปลูกถ่ายไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งบอกถึงความสวยงามและหรือความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ผู้ปลูกถ่ายจะได้รับ
- หลังจากการปลูกถ่าย ผู้ปลูกถ่ายจะต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนเพื่อให้การปลูกถ่ายมีประสิทธิภาพสูงสุดและป้องกันอาการผมร่วงกลับมาเช่น การใช้ Minoxidil สองครั้งต่อหนึ่งวัน หรือ การฉายแสงเลเซอร์ (laser light therapy)
- ผู้ปลูกถ่ายมีความเสี่ยงต่อการเลือดออก ติดเชื้อ คัน ปวด แผลหายช้า บวม เลือดคั่ง อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- การปลูกถ่ายไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเลือดออก เลือดคั่ง หรือกำลังรับประทานยาเจือจางเลือด ผู้ที่กำลังติดเชื้อแบคทีเรีย หรือมีปัญหาทางด้านผิวหนัง ผู้ที่เป็นเบาหวาน และผู้ที่บาดแผลหายช้า
- การปลูกปลูกถ่ายแบบ FUE อาจมีราคาสูงเพราะจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถสูง
4. การสักไรผม/การสักหัวล้าน
สักไรผม/สักหัวล้าน คืออะไร?
การสักไรผม หรือ สักหัวล้าน (SMP) เป็นวิธีการใช้เข็มอันเล็กๆฉีดสีเข้าไปในหนังศีรษะ สีเหล่านี้จะทำให้ดูเหมือนศีรษะมีผมขึ้นหนาแน่นและดูเป็นธรรมชาติ
วิธีการสักนี้ไม่ได้ใช้แค่สำหรับคนหัวล้าน แต่สามารถใช้กับแผลไฟไหม้ แผลเป็น หรือ รอยต่างๆที่ผู้สักต้องการปิดบัง
การสักไรผม หรือ สักหัวล้าน ใช้ระบบสีเทาต่างระดับความเข้ม (gray scale) เพื่อโทนสีที่เหมาะสมกับผู้สัก การสักจึงสามารถทำได้ในผู้สักที่มีสีผิวแตกต่างกัน จากผู้ที่มีผิวขาวจนถึงผู้ที่มีผิวคล้ำ นอกเหนือจากสีเทาแล้ว การสักยังสามารถใช้สีต่างๆเผื่อให้ตรงกับสีผมของผู้สัก
การสักไรผม หรือ สักหัวล้าน อาจดูเหมาะสำหรับผู้สักเพศชายมากกว่าเพศหญิง แต่ผู้สักเพศหญิงก็สามารถสักได้เช่นกัน ผู้สักเพศชายมักสักหัวล้านเพื่อนำรอยสักมาแทนที่รูขุมขนเส้นผมที่ถูกโกน ส่วนผู้สักเพศหญิงมักสักเพื่อลดความแตกต่างระหว่างสีผมละสีหนังศีรษะ การสักหัวล้านนั้นไม่จำเป็นจะต้องโกนศีรษะก่อนทำการสัก ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มอันเล็กเพื่อทำการสักเอง
หลัง การสักไรผม หรือ สักหัวล้าน หนังศีรษะจะดูเข้มขึ้น ทำให้ความแตกต่างของสีผมและหนังศีรษะลดลงและทำให้ดูเหมือนว่าศีรษะของผู้สักนั้นมีผมหนาและดูสุขภาพดี การสักมีข้อแม้ว่าถ้าคุณมีเส้นผมสีอ่อน การสักอาจไม่ช่วยให้คุณดูมีเส้นผมหนาถึบและสุขถาพศีรษะดีเท่าผู้สักที่มีเส้นผมสีเข้ม
ตามกปกติแล้ว เส้นผมบนหนังศีรษะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 77 ไมโครเมตร การสักแต่ละรอยจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางจุดละ 90 ถึง 150 ไมโครเมตร นี่อาจดูเหมือนว่าความแตกต่างของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมปกติและรอยจุดการสักนั้นเยอะ แต่ถ้าหากคุณมองศีรษะของผู้สักจากไกลๆ คุณจะแทบไม่สามารถเห็นความแตกต่างของรอยสักและรูขุมขนเส้นผมได้เลย คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ hishairclinic
การสักไรผม หรือ สักหัวล้าน มีวีธีการอย่างไร?
การสักไรผม หรือ สักหัวล้าน (SMP) นั้นโดยส่วนใหญ่แบ่งออกเป็นสามส่วน แต่ระยะเวลาที่ใช้ในการทำการสักนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและความรุนแรงของอาการผมร่วง ก่อนเริ่มการทำการสัก ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอบถามความต้องการของคุณและบอกรายละเอียดของขั้นตอนต่างๆของการสัก
ระหว่างการสักจะมีการทำให้หนังศีรษะตรงที่จะสักเป็นแผลเล็กๆเพื่อใส่สารให้สีเข้าไปในบาดแผลนั้น บาดแผลนี้จะตกสะเก็ดและร่วงพร้อมกับสารให้สีที่ใส่เข้าไปในเบื่องต้น ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมซึ่งคือสารให้สีที่ใส่เข้าไปในบาดแผล และนี่จะทำให้จุดรอยสักเล็กลง การจางลงของสีที่ใส่เข้าไปอาจมีความไม่เท่ากันในแต่ละคน ฉะนั้นจำนวนครั้งของการสักจะไม่เท่ากันเช่นกันและขึ้นอยู่กับความจางลงของสี
สารให้สีนั้นโดยปกติแล้วจะมีส่วนผสมจากหลาย metal oxides ซึ่งจะทำให้ดูเป็นสีเทาต่างระดับความเข้มที่หลายคนตามหา เบต้าแคโรทีนจะถูกนำมาใช้เพื่อให้ได้สีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมสีแดงและสีอ่อน
ในแต่ละรอบของการสัก สารให้สีที่ใช้จะมีหลายอย่างเพื่อสีที่แตกต่างละทำให้สีบางสีมีความโดดเด่น ปกติแล้วลำดับการใช้สารให้สีจะใช้สีอ่อนก่อนและสีเข้มทีหลัง การทำการสักปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 5 ชั่วโมงในแต่ละรอบ
ในการสักแต่ละครั้ง คุณอาจมีความรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวแต่ความรู้สึกเหล่านี้จะไม่มากเท่าการปลูกถ่ายเซลล์รากผม ในรอบแรกของการสักคุณอาจรู้สึกเจ็บมากที่สุด แต่ในครั้งถัดๆไปคุณจะรู้สึกชินไปเอง บางจุดของหนังศีรษะอาจไวต่อความเจ็บปวดมากกว่าส่วนอื่นฉะนั้นการสักในแต่ละจุดคุณจะรู้สึกความเจ็บปวดไม่เท่ากัน แต่ถ้าคุณรู้สึกเจ็บมากจนทนไม่ไหว คุณสามารถขอใช้ยาชาได้
หลังจากการสัก คุณไม่จำเป็นต้องพักฟื้น คุณสามารถกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติได้ แต่จุดที่คุณได้ทำการสักอาจเป็นรอยแดงนาน 48 ชั่วโมง การสักในแต่ละครั้งจะเว้นช่วงห่าง 7 วัน
หลังจากได้ทำการสักในช่วงสองสามวันแรก คุณควรหลีกเลี่ยงการทำให้ศีรษะคุณเปียกด้วยวีธีต่างๆเช่น เหงื่อออก สระผม หรือ ล้างหัว ในวันที่สี่คุณสามารถใช้เครื่องโกนหนวดฟอยล์ (foil shaver) ในการโกน แต่ต้องระวังอย่าโกนศีรษะส่วนที่ตกสะเก็ดและยังไม่หลุด ในวันที่ 10 การโกนโดยทั่วไปสามารถใช้มีดโกนได้แล้ว การสัก (SMP) คือการแก้ปัญหากึ่งถาวรและจะคงอยู่ประมาณ 4 ถึง 6 ปีก่อนที่สีจะจางลง
เมื่อสีจางลง คุณจะต้องไปทำการสักใหม่เพื่อแก้ปัญหาเดิม เพื่อให้การสักอยู่ได้นาน คุณจะต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง คุณจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการตากแดดเพราะแดดจะทำให้สีจางลง ถ้าหากคุณต้องตาเติมแต่ง คุณจะรู้สึกดีที่ได้ทราบว่าค่าใช้จ่ายในการเติมแต่งจะถูกกว่าค่าใช้จ่ายถ้าทำการสักใหม่ทักหมด คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ smpdebate และ baldingbeards
ทำไมหลายคนถึงลอง การสักไรผม หรือ สักหัวล้าน
- ผลกระทบต่อชีวิตประจำวันน้อยกว่าการปลูกถ่ายเซลล์รากผมเพราะไม่ต้องทำการผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
- เป็นวิธีแก้ปัญหาแบบกึ่งถาวร สามารถอยู่ได้หลายปี
- สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือย้อนกลับได้ตามความต้องการ ไม่เหมือนการปลูกถ่ายเซลล์ผม
ผมข้างเคียงของการสักไรผม หรือ สักหัวล้าน
- หนังศีรษะของคุณอาจมีอาการคันและแดงหลังการสักเนื่องจากบาดแผลอันเล็กๆที่ใช้เข็มเจาะเพื่อใส่วารให้สี
- คุณภาพของการสักนั้นขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญคนเดียวเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญที่ฝีมือดีอาจคิดราคาสูงและทำให้ค่าใช้จ่ายในการสักสูงเช่นกัน
- การสักไรผม หรือ สักหัวล้าน (SMP) เป็นทางออกแบบกึ่งถาวร ฉะนั้นรอยสักที่คุณได้รับจะอยู่คงทน ถ้าหากต้องการลบออกจะต้องใช้เลเซอร์
- ถ้าหากคุณเป็นคนชอบตากแดด คุณอาจไม่เหมาะสำหรับวีธีนี้เพราะการตากแดดจะทำให้สีจางไวขึ้น และทำให้คุณต้องกลับไปแก้ไขรอยสักใหม่หลายครั้ง
- นอกจากการจางแล้ว การตากแดดอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อสารให้สี ทำให้สีที่ได้เปลี่ยนหรือเพี้ยนไปจากเดิม
- การสักไรผม หรือ สักหัวล้านใช้เข็มอันเล็กแทงเข้าไปในหนังศีรษะหลายครั้ง คุณอาจรู้สึกเจ็บในคณะทำการสัก ผู้สักหลายคนเล่าว่ามีอาการปวดที่ขมับและเหนือหูในขณะที่ทำการสัก
คลินิคที่ให้บริการแก้ปัญหาผมร่วงที่รวมไปถึงการปลูกถ่ายเซลล์รากผมในประเทศไทย
มีคลินิคให้บริการแก้ปัญหาผมร่วงมากมายในประเทศไทย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคลินิคจะดีเท่ากัน การเลือกให้ถูกที่จึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะหากคุณเลือกผิดที่คุณอาจผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการทำการรักษา เรื่องราคาเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกสถานที่ บางที่อาจมีราคาถูกแต่คุณภาพของการบริการลดลง การมองหาคลินิคที่ดีเพื่อรักษาปัญหาผมร่วงจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะบางขั้นตอนของการรักษามีผลถาวรและคุณคงไม่อยากเสียใจในภายหลัง
ทางเลือกทางธรรมชาติ บีชู เฮอร์บัล แฮร์ ทรีทเม้นท์
หากคุณกำลังมีปัญหาผมร่วงหรือปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับเส้นผมของคุณ และคุณกำลังมองหาสถานที่ทำการรักษาแบบธรรมชาติ เราขอแนะนำ บีชูเฮอร์บัล เราคือคลินิคที่มีความเชี่ยวชาญการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมเช่น ผมร่วง รังแค หรือ หนังศีรษะมัน เรามีสาขาในสิงคโปร์จำนวน 20 สาขา ในมาเลเซียจำนวน 70 สาขา และอีกกว่า 200 สาขาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ปัจจุบันเรามีสาขาในกรุงเทพฯที่:
- Bee Choo Udomsuk
- Bee Choo Ratchada
- Bee Choo Siam Square
- Bee Choo Kallapaphruk
- Bee Choo Chaiyaphruek
- Bee Choo Saimai
- Bee Choo Krungthep Kreetha
- Bee Choo Chonburi
- Bee Choo The Crystal Park Ekamai Raindra
- Bee Choo Sammakorn
- Bee Choo Prawet
- Bee Choo Chatuchak (Prachachuen)
- Bee Choo Suksawat
- Bee Choo Korat
- Bee Choo Surat Thani
ดูแผนที่ทั้งหมดได้ที่นี่
เราเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับจากหนังสือพิมพ์ Business Times ของสิงคโปร์และชนะรางวัลมากมายจากตัวแทนของประเทศสิงคโปร์
หากคุณกำลังมีปัญหาเรื่องผมข้างต้น โปรดแวะมาที่คลินิคเรา เรามีทรีทเม้นท์จากธรรมชาติที่ปลอดภัยและเห็นผลและสามารถรักษาปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะได้ สีจากธรรมชาติในสูตรการรักษาของเราสามารถช่วยเรื่องผมขาวได้เช่นกัน วิธีการของเราเรียบง่าย
บีชู เฮอร์บัล ขอเสนอวิธีจัดการปัญหาของเส้นผมของคุณที่ปลอดภัยและเห็นผล แวะมาหาเราและเราจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
ประโยชน์ของ บีชู เฮอร์บัล ทรีทเม้นท์
- แก้ปัญหาต่างๆของเส้นผมและหนังศีรษะเช่น ผมร่วง หนังศีรษะมัน ผมเสีย หรือรังแค
- ปิดผมขาวด้วยสีน้ำตาล
- ราคาเข้าถึงได้และเห็นผล
- เห็นผลทันทีเมื่อรักษาปัญหาผมขาว หนังศีรษะมัน และรังแค
- สำหรับคนที่มีปัญหาผมร่าวงในขั้นแรก อาการคุณจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความจริงที่อาจทำร้ายจิตใจคนรับรู้ของ บีชู เฮอร์บัล ทรีทเม้นท์
- คุณไม่สามารถเลือกสีผมได้
- เส้นผมของคุณจะไม่ยาวทันทีและหนังศีรษะอาจต้องใช้เวลาในการปรับสภาพ
ชมวิดีโอนี้แล้วคุณจะเข้าใจวิธีการของ บีชู เฮอร์บัล ทรีทเม้นท์ มากขึ้น
แวะมาหาเราได้ที่
- Bee Choo Udomsuk – 02-0726698
- Bee Choo Ratchada – 02-0019126
- Bee Choo Siam Square – 02-1151300
- Bee Choo Kallapaphruk- 090-221-7745
- Bee Choo Chaiyaphruek- 02-147-1459
- Bee Choo Saimai- 02-1214419
- Bee Choo Krungthep Kreetha 093-1471388
- Bee Choo Chonburi 096-904-7964
- Bee Choo The Crystal Park Ekamai Raindra 095-536-5556
- Bee Choo Sammakorn 086-004-1122
- Bee Choo Prawet 083-445-0589
- Bee Choo Chatuchak (Prachachuen) 080-274-1868
- Bee Choo Suksawat 064-153-2662
- Bee Choo Korat 081-741-0763
- Bee Choo Surat Thani 064-380-8888
ดูแผนที่ทั้งหมดที่นี่(link)